ออลีฝั
หน้า 12 แคนเบอร่า เมืองหลวงออสเตรเลีย, สโนวี่ เมาท์เทน

แคนเบอร่า เมืองหลวงออสเตรเลีย
       วันนี้ 17 มิ.ย. 2539 เดินทางต่อจนถึงแคนเบอร่า ผ่านเมืองไปกินข้าวกันกลางเมือง เรากินข้าวที่ห่อกันมา ซื้อโค้กกินกันแซนวิช จากดันมอแรงที่สนาม (park) กลางเมือง เห็นคนไปมาน้อยมาก เมืองก็มีแต่ตึก ไม่ค่อยมีคนและยวดยานเลย พอเราไปดุวิวของเมืองบนยอดเขา เห็นมีนิดเดียว ดูจะเล็กกว่าเชียงรายด้วยซ้ำ มีตึกอยู่กระจุกเดียว


แคนเบอร่ามองจากบนเขา ก็เห็นตึกอยู่ไม่มาก


ถนนมองจากสภาใหม่ไปสภาเก่า ตรงแน๊วไปถึงยอดเขา

       นอกนั้นก็เป็นถนนสถานฑูตรอบๆ รัฐสภา ซึ่งเด่นที่สุด เราลงมาเยี่ยมรัฐสภาอันยิ่งใหญ่มาก คงแพงน่าดูด้วย เพราะค่าเสาธงต้อง 4 ล้าน $ A (80 ล้านบาท) เขาบอกว่า กะว่าจะคงอยู่ไปอีก 200 ปี
       ถ่ายรูปเสร็จตั้งนาน ก็เชิญไกด์ของรัฐสภา บรรยาย กับ บรรยายด้วยความภาคภูมิใจทุกอย่าง ตั้งแต่คนค้นพบโอปอล, สส.หญิง, เทคโนโลยี การสร้างเก้าอี้ อ้อ! ม้านั่งพักของแขกน่ะครับ ออกแบบให้เหมาะสมกับศาสตร์ของสรีระ นั่งสบาย, วอเปเปอร์ทำด้วยผ้าทอลายรูปป่าไม้ กว้างมากกว่า 15 เมตร เหมือนรูปวาด การใช้คอมพิวเตอร์ออกแบบน้ำพุ สถาปัตย์ ทัศนศิลป์ ที่มองจากห้องประชุมเห็นรัฐสภาหลังเก่า ฯลฯ ได้ไปฟังประชุมสภา 2 ห้องด้วย ประชุมก็เถียงๆ กัน คล้ายกับไทยนั่นแหละ อย่างเช่น ปัญหาคนจน ไม่มีบ้าน ว่างงาน ปัญหางดสร้างหอคอย เทเลคอมบนยอดเขา งดสร้างเหมือนมาสนับสนุนไร่องุ่น เพราะทำลายสิ่งแวดล้อมมาก อะไรอย่างนี้

<


เสาธงต้นนี้แหละครับ 80 ล้านบาท

        คืนแรกมาพักเราก็ตกใจ ป้ายมันบอกว่า Motel ที่นี่โรงแรมใช้ Motel ไม่ใช่ Hotel บ้านเราคงนึกถึงที่พักแบบม่านรูดน่ะ ที่เรียก Motel ที่นี่ หมายถึง โรงแรมที่ไม่ใหญ่โตมากนัก ส่วนใหญ่ไม่เกิน 20 ห้อง ดำเนินการโดยคนในครอบครัว หรืออาจมีพนักงานไม่กี่คน ส่วน Hotel ก็ใช้เรียกระดับหลายๆ ร้อยห้องมากกว่า ก็นอนพักสบายดี มีเครื่องทำความอุ่นให้ พักเป็นคู่ๆ ได้พักห้องเดียวกับคุณหมอสุพจน์ ตอนเย็นเรามาหากับข้าวกินกัน เดินไกลมาก ก็เจอร้านอาหารไทย เดินสักครึ่งกิโลเมตร เป็นอย่างน้อย ร้านปิดหมด ทั้งที่ประมาณเกือบๆ 6 โมงเย็น เงียบมาก ยังกะเมืองร้าง รถราผ่านไปมาสัก 10 คัน ตลอดเวลาที่เราเดินไปร้านอาหารก็กินกันโดยแชร์ อาหารอร่อยใช้ได้เฉลี่ยก็แค่ 8 A$ นับว่าถูกกว่ากินเดี่ยว จานละมากกว่า 11 $ แล้วเราก็เดินต่อไป มีอีกร้านเปิดคือร้านหนังสือ เราสังเกตว่า มีคนเดินถนนสายนี้มาก เลยตามไปดู ก็เจอคาสิโนกลางเมือง ก็เดินเข้าไปดู เป็นพวกไพ่ และรูเล็ตเป็นส่วนมาก ไม่มีใครลองเล่น ที่นี่เขาระแวงพวกเราพอสมควร เพราะคนไทยกลัวหนาว ใส่เสื้อโค้ทยาวเข้าไป เขาต้องขอร้องให้ถอดฝากก่อนเข้าไป และทุกคาสิโนดูเหมือนจะห้ามใส่หมวกด้วย ขากลับวกไปวนมา หาร้านไม่มีใครเปิดร้านเลย แล้วก็ดูแค่โชว์หน้าร้าน และก็งง ถนนชวนหลงมาก เพราะไฟสว่างบ้างมืดบ้าง แล้วก็ถนนซอยตันบ้าง ไตรรงค์เลยต้องนำทาง มีคนเชื่อใจ (นิดหน่อย) ตามมา 2 คน ที่เหลือตามมาห่างๆ ไตรรงค์จำถนนได้ดีมาก และอธิบายอย่างมั่นใจ จึงค่อยๆ ตามมาก็เจอถนนหลัก ที่เรากินข้าวกันจนได้ โล่งอกกัน นี่เป็นทริกเล็กน้อยคือ เวลาเราไปไหน ให้หันมาดูข้างหลังบ่อยๆ จะทำทัศนียภาพได้ มันคนละมุมกับขาไป ก็เลยจำไม่ยาก อันนี้จำมาจากคุณแม่ผมสอนตอนไปเดินป่า ใครมองไปแต่ข้างหน้า ขากลับไม่หลงก็งง แต่กว่าจะถึงก็เดินจนเมื่อย และปวดปัสสาวะกันมากเพราะอากาศเย็นจัด และก็ใกล้ ไกล เดินเร็วๆ พอได้เหงื่อ

สโนวี่ เมาท์เทน
       18 มิ.ย.2539 วันที่เริ่มออกเดินทางทุกครั้ง จะเริ่มแปดโมงตรง กินข้าวแต่ 7 โมง ก่อนอกเดินทางจากเมือง หมอกลงเต็มเลย หนาวกว่าซิดนีย์ มากจนกระจกมีฝ้าเกาะมองไม่เห็น อาจารย์อธิบายว่า เมืองนี้ลงทุนปลูกต้นไม้เป็นหน้าเป็นตาใหม่ทั้งเมือง ระหว่างทางเราเดินทางไป Snowy Mt. ก็อธิบายการพังทลายของดิน ซึ่งชาวบ้านไม่ให้ความร่วมมือนัก


แถวนี้เจอเขาหัวโล้นเยอะ จากการตัดไม้ไปใช้
และปล่อยให้พื้นดินพังทลาย

       จากนั้นแวะเข้า Information Center ชมวิดีโอ แนะนำโครงการ ชื่อ power of water มี power station 7 แห่ง เขื่อนใหญ่ 16 เขื่อน อุโมงค์ยก 140 กิโลเมตร สร้าง 25 ปี เสร็จปี 1974 ใช้คนงาน 100,000 คน 30 ประเทศ สร้างไฟฟ้าให้เกือบทั่วออสเตรเลีย ปัญหาสิ่งแวดล้อม คือ ปลาลดลง และการทำลายป่า แล้วเราก็นั่งรถไปบนเขาหัวโล้น และหนาวขึ้นๆ  มีป่ามากขึ้น


ต้นยูคาลิปตัสอายุกว่า 200 ปี
ที่ถูกอนุรักษ์ไว้อย่างเหนียวแน่น

       ป่าที่นี่สูงจากระดับน้ำทะเล ราว 1,400 กิโลเมตร เราลงรถไปถ่ายรถไปถ่ายรูปต้นยูคา อายุกว่า 200 ปี หนาวมาก พวกเราเห็นว่าคงหนาวกัน หนาวกันเต็มที่ ที่เตรียมมา กะว่าคงได้ถ่ายรูปหิมะ ให้หมดๆ ม้วน เลย ก็ทนไว้ ตื่นเต้นจะได้เจอหิมะตามแผนเดินทาง 


ที่นี่เป็นเหมืองทองเก่า มีม้านั่งให้เราทานกลางวันได้ด้วย
คิดเสียว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง
ที่นั่งอาจจะทำไว้รับแขก
ที่จริงเป็นที่นั่งเก่าของคนงานที่เขาอนุรักษ์ไว้


กับซากเครื่องปั่นไฟ
และเครื่องร่อนทอง

       เราไปกินข้าวบริเวณเหมืองทอง ถ่ายรูปกับเครื่องมือปั่นไฟไอน้ำ และเครื่องร่อนทอง หนาว และมีหมอกปกคลุม หนาวจัดจนเอามืออกจากถุงมือไม่ได้ แต่ก็ทนให้สะใจที่กินข้าวกลางวันหนาวที่สุดในชีวิต (จริงๆแล้วกินขนมปัง) ขึ้นรถอุ่นขึ้นเลยมานั่งรอบนรถ ออกรถก็เปิดอีทเตอร์ให้พอหายสั่น อากาศข้างนอกก็อุ่นขึ้นๆ ตามทางแดดก็จัดขึ้น เอ๊ะ ยังไง เมื่อเราแวะไปดูเขื่อนหินดินถมแห่งหนึ่ง ก็ถาม นี่จะได้ไปดูหิมะไหม ? คุณจินนี่ บอก ว๊าย! ตอนนี้ไม่หนาวพอจะมีหิมะตกหรอกค่ะ พวกเราเหี่ยวกันวูบเลย แต่อาจารย์ก็บอกว่า มันตกเล็กน้อย ถนนทาง เข้าปิดเพราะอันตราย รัฐยังไม่ให้เข้าไปดู พูดปลอบใจหรือเปล่าไม่รู้ เลยต้องยืนฟังบรรยายเรื่องเขื่อนต่อ แล้วก็ถอดเสื้อกันหนาว หลายๆ ตัวไว้บนรถ ข้างๆ


เขาตรงซ้ายมือข้างบนที่ถูกตัดออกมาและบางคนอยากให้แก้ไข

       ภูเขา เป็นเขาหิน เห็นที่ตัดหินออกมาทำเขื่อน เคยมีปัญหาโต้แย้งกันว่า จะฟื้นฟูให้กลับเป็นเขาสีเขียวอย่างเดิมไหม แต่นักสิ่งแวดล้อมอย่างอาจารย์ บอกว่า ธรรมชาติก็มีเขาหินเตียนๆ อย่างนี้ตั้งหลายที่ ไม่ต้องไปทำอะไรดีกว่า เราพักกันที่ วอกก้า-วอกก้า (Wagga-Wagga) เป็นคำที่เลียนเสียงกา กาที่นี่ร้อง วอกก้า-วอกก้า ไม่ยักกะร้อง กา กา เหมือนบ้านเรา เขาเรียกว่า วอกก้า แต่ก่อนคงมีกาเยอะ เราพักกันที่โรงแรมโกลเด้นซิตี้ ก็ออกมาเดินเล่น เมืองนี้โตพอสมควร แต่ก็เงียบกลางคืน มีมหาวิทยาลัย ชื่อ Charles Sturt U. เดินไปกินข้าว อาหารจีน อิ่มแล้วก็ออกมาเดินดูเมือง มีเด็กไทยวิ่งเข้ามาทักผมท่าทางตื่นเต้นมาก เพราะไม่เจอคนไทยเสียนาน น้องคนนี้ ชื่อนาท คุณแม่แต่งงานกับออสชี่ เลยมาเรียน (ฟรี เพราะแม่เป็นออสซี่แล้ว) ที่ high school ที่นี่ 1 ปี ก็ได้เป็น citizen ของออสเตรเลียเมืองนี้มีคนไทย สัก 30 คน และทำงานช่วยล้างจานในร้านอาหารไทย เดินคุยมาตั้งไกล ชวนเราทั้งกลุ่มไปกินด้วย แต่เราก็ไม่ไปกิน ขอเดินดูเมือง (เงียบๆ) นาทเลยให้ผลึกแก้วชิ้นหนึ่งเป็นที่ระลึก ขอบคุณมาก ผมก็รับมาอย่างงงงง แล้วเราก็ไปซื้อของในวูดวิลด์ ร้านนี้มีซะทุกเมืองกระมัง คล้ายวัสสัน หรือเซเว่นอีเลเว่นบ้านเรา ไปไหนก็เจอ ซื้อผลไม้มากิน เพราะเราชอบผลไม้กันมาก อร่อยและไม่แพงนัก

หน้า 1 ก่อนเดินทาง, บนเครื่องบิน
หน้า 2 วันแรกที่ออสเตรเลีย, รู้จักกับอาจารย์
หน้า 3 อาหารมื้อละ 185 บาท ค่ารถเมล์ 70 บาท, เดินชมเมืองซิดนี่ย์
หน้า 4 เริ่มชีวิตนักเรียนนอก, เริ่มเรียนวันแรก
หน้า 5 พาชมเมืองซิดนี่ย์
หน้า 6 ลุยราตรีซิดนี่ย์, เริ่มฟังภาษาอังกฤษออกแล้ว
หน้า 7 ไปดูมหาวิทยาลัยนิวเซ้าท์เวล
หน้า 8 ดูงานที่มหาวิทยาลัย Western Richmond
หน้า 9 ขับรถท่องนิวเซาท์เวล
หน้า 10 ชมเมืองซิดนี่ย์, เรียนคอมพิวเตอร์, คริสมาสเดือนมิถุนายน, เตรียมตัวออกทริพ
หน้า 11 ทัศนศึกษาสวนสัตว์ทารองก้า, ออกภาคสนามอันยาวนาน
หน้า 12 แคนเบอร่า เมืองหลวง ออสเตรเลีย, สโนวี่ เมาท์เทน 
หน้า 13 เขตแห้งแล้งและเขตชลประทาน
หน้า 14 เยี่ยมชมครอบครัวในเขตกึ่งทะเลทราย
หน้า 15 ต้นไม้พันธ์หายาก, เหมืองเงิน Sunny Coner, Mid Winter Fosrival
หน้า 16 blue moutain
หน้า 17 ซื้อของฝาก ใหม่!
หน้า 18 ทัศนศึกษา Woo-Longgongใหม่!
หน้า 19 เลี้ยงอำลา, นำเสนอผลงานใหม่!
หน้า 20 พิธีมอบประกาศนียบัตร, กลับบ้านที่เมืองไทย ใหม่!
| ออสเตรเลียแดนในฝัน | ประปาไทย.คอม | ไตรรงค์.เน็ต |