10 ธันวาคม 2547

(1) (2) (3) (4)

เช้าๆ ตื่นขึ้นมาเดินเล่น เห็นโอ่งกิมจิ อยู่บนดาดฟ้าของตึก(รูปที่ 1 พยายามดูหน่อย) ว่ากันว่า กิมจิต้องทำเองถึงจะอร่อย เกือบทุกครอบครัวเลยนิยมทำกันเอง ดาดฟ้า จึงเหมะที่จะเป็นที่วางโอ่งหมัก เพราะตามสูตร ต้องวางโอ่งไว้กลางแจ้ง วันนี้ไปถึง KIST ราว 9 โมงเช้า มีการเล็คเชอร์ 2 เรื่อง คือ Dr Soeck LEE (รูปที่ 2) สอนเรื่อง เทคโนโลยีการกำจัดเชื้อโรคจากน้ำเสีย และ Dr Sang-hyup LEE (รูปที่ 3) สอนเรื่องสถานการณ์การกำจัดน้ำเสียในเกาหลี เป็นเรื่องสุดท้าย ที่มีการเล็คเชอร์ มื้อเที่ยงก็ทานอาหารที่คิส เป็นอาหารเกาหลีมื้อสุดท้าย ตามโครงการนี้ เราทานกิมจิแดง (กิมจิมีหลายรส) กันมาก เป็นการส่งท้าย และรู้สึกว่า อาหารเกาหลีมื้อนี้อร่อยมากๆ หลังอาหาร เรากลับมาที่ห้องเล็คเชอร์กันพร้อมหน้า เพราะข้างนอกนับว่าหนาวจัดสำหรับเรา พยายามนั่งใกล้ๆ กัน เริ่มรู้สึกไม่อยากจากกัน คุยกัน บางคนก็หลับเอาแรง กามา-ซัง ก็เล่าเรื่องสมชื่ออย่างสนุกสนานหลายเรื่อง มีเยอะ อันที่จริงของไทยก็มีเยอะ แต่คิดบางศัพท์ไม่ออก ไม่ถนัด กลัวเล่าไม่มันส์ ฟังดีกว่า ขำดี  เราเริ่มช่วงบ่ายด้วยการถ่ายรูปหมู่ทั้งหมด(รูปที่ 4) อาจารย์ของคิส ที่สอน ก็พยายามมากันเกือบทุกท่าน ถ่ายกันที่กลางถนน เพื่อให้ติดป้ายผ้าต้อนรับด้วย ทุกคนก็อยากได้ภาพ ผู้ประสานงานโครงการเลยต้องรับอาสาถ่ายให้ กล้องถ่ายรูปเลยถูกนำมาเข้าแถว เพื่อกันลืม ผมตั้งภาพไว้ขนาด 6 ล้านพิกเซล กะขยายใหญ่ จากนั้นเราก็ทยอยแจกของที่ระลึกกัน มีหลายคนแจกเพื่อนๆ ตั้งแต่เช้า แต่ อ.ดร.จูง ไม่ว่างช่วงช้า อาจารย์หลายคนก็ยังไม่มา ผมหาซื้อผ้าไหมสีแดงดิ้นทองลายไทยสวยมากได้จากจตุจักร เอามาให้ช่างตัดเย็บเป็นสไบยาว เตรียมก่อนมาเพื่อเป็นที่ระลึก ที่นี่ผมให้อาจารย์ปาร์ค ผอ.คิส และ ดร.จูง อาจารย์สอนหลัก และด๊อกเตอร์อีกหลายท่านที่สอนเยอะ หรือตามไปทุกทริป ชอบกันมาก พยายามสอบถามราคา ผมบอกว่า คิดดูนะ ผ้าไหมไทยแพงไหม แล้วยังดิ้นทองด้วย นับว่าเป็นของขวัญชิ้นพิเศษเลย (อันที่จริง ซื้อในประเทศไทย มันไม่แพงนัก) ผมบอกว่ามันเป็นผ้าคลุมไหล เราเรียกว่า สไบ แต่คุณสามารถใช้เป็นผ้าพันคอกันหนาวได้ คุณ ซากิโมโต้-ซัง หัวหน้าโครงการจากญี่ปุ่นบินมามาปิดโครงการด้วย ผมให้รูปกินรีวาดสวยๆ แบบไทย เป็นภาพผ้าม้วนสำหรับแขวนโชว์ เช่นเดียวกับ ชอยส์ หัวหน้าโครงการที่เกาหลี ก็ได้ภาพเหมือนกัน ถือเป็นของที่ระลึกสำหรับ JICA และ KOICA ส่วนของที่ระลึกส่วนตัว ก็ให้สไบผ้าไหมด้วย ส่วนของเพื่อนๆ ผมเลือกกระเป๋าสตางค์ผ้าไหมดิ้นทองทอลายขอบทองเล็กๆ เท่าฝ่ามือ ข้างในใส่พวงกุนแจหน้ากากพระราม หรือทศกัณฑ์ ดูเป็นไทยๆ ดี และยังใส่เหรียญ 10 เยนแทนญี่ปุ่น และลูกอมโสม แทนเกาหลี ลงไปด้วย นับเป็นของที่ระลึกที่ฮือฮากันมากอันหนึ่ง

(5)  (6) (7) (8)  (9) (10) (11)

เราประเมินผลกันต่อในห้องโดยการเชิญทุกคนพูดถึงสิ่งที่ได้จากโครงการ คุยกันราว 40 นาที (รูปที่ 5-9) ส่วนมากก็เป็นการชมกัน ให้ความรู้สึกที่ดีๆ เพียงแต่มีเรื่องที่ฝากให้ดูแลการเข้ามาที่ตรวจคนเข้าเมือง ที่ทราบว่า มักโดนกักตัวเสมอๆ หลายรุ่น จากนั้นก็กล่าวสุนทรพจน์และขอบคุณ โดยโตโต้-ซัง(รูปที่ 10) จากฟิลิปปินส์ แล้วจบด้วยพิธีมอบประกาศนียบัตร  (รูปที่ 11) จบเร็วไปหน่อย เลยมีภาพยนตร์ให้ดูเรื่อง Love Story (มั้ง) ย้ายไปห้องที่มีเก้าอี้ปรับเอนดูหนังได้สบายๆ สักชั่วโมงกว่า บางคนก็ถือโอกาสนอน รอเวลานัดเลี้ยงอำลา เวลา 5 โมงเย็น ถึงเวลาก็เดินไปบ้านบนเนิน ด้านหน้าKIST ที่เดียวกับเลี้ยงต้อนรับ มีโอกาสคุยกับ Dr Soeck LEE (รูปที่ 2) และได้ให้ของชำร่วยที่ระลึกชิ้นสุดท้าย ชุดกระเป๋าสตางค์ผ้าไหมนั่นแหละ อาจารย์ชอบมาก ขออนุญาตเอาไปผากภรรยา เพราะภรรยาชอบของไทยๆ มาก และมาเที่ยวไทยบ่อยๆ ที่ Rose Garden (สวนสามพราน) พัทยา ภูเก็ต กรุงเทพฯ และเชิญผมมาเรียนปริญญาเอกที่คิส และอาสาจะเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาให้ ตอนนั้นมีคนไทยเรียนอยู่ 2 คน

(12)

ในพิธีเลี้ยงอำลา เริ่มด้วยการเปิดเบียร์ ไฮน์ (เบียร์มีชื่อของที่นั่น) และ เปิดบุฟเฟต์ (รูปที่ 12) อาหารอร่อย ได้นั่งโต๊ะเดียวกับชอยส์ (หัวหน้าโครงการเกาหลี รูปที่ 6) และบุน-ซัง (กัมพูชา คนซ้ายสุดรูปที่ 8) ได้ฟังเรื่องเงินเดือนของบุนซัง ราว 35 ดอลลาร์อเมริกัน (ประมาณ 1,400 บาท) ทำให้เขาดิ้นรนเรียนภาษาอังกฤษ วันละชั่วโมง ช่วงเรียนปริญญาตรี และหลังจบก็เรียนเพิ่มเป็น 3 ชั่วโมง/วัน (ยังพูดไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไร่ อิอิ) เทียบกับที่ในโครงการไจก้า-คอยก้า เขาได้จากไจก้าประมาณ 500 ดอลล่าร์ ได้จากคอยก้า ประมาณ 300 เหรียญ มันต่างกันมาก และยังรับงานอื่นๆ อีก จำพวกลงทุน หรือค้าขาย ขณะนี้เขาขับแคมรี่ แสดงว่าฐานะที่กัมพูชาใช้ได้ทีเดียว ขณะที่ช้อยส์ได้รับจากคอยก้า มากกว่า 1,500 ดอลล่าร์/เดือน (ประมาณ 6 หมื่นบาท) ยังไม่รวมรายรับอื่นๆ อีก(อีกเยอะ) บุนซังบอกว่า ถ้ารายได้ขนาดนี้ในกัมพูชาเรียกว่า คนรวย เลิกงานมีการจับมือกันเพื่ออำลา อ.ดร.ปาร์ค (คนขวามือผมในรูปที่ 4 หรือคนที่ 7 จากริมขวามือ) ก็มาขอกอดผมหน่อยเถอะ บอกว่าถูกชะตาจังเลย คงคิดถึงมาก (ดีจังเลย) ก่อนออกมาจากห้องอาหาร เราได้รับแจกค่าอาหารมื้อเช้าไปหาทานเอง 5,000 วอน

(13)

ออกจากงานเลี้ยงอำลา ช้อยส์และเฮนน่ามาส่งที่ปากทาง KIST เราช่วยกันร้องเพลง เซ-รัง-เง (ฉันรักเธอ- ที่เฮนน่าสอนเมื่อวาน เพลงที่บอกถึงความเสียใจทีตั้งพลัดพรากจากคนที่รัก เธอจะรู้ไหมหนอ... ทำนองเดียวกับเพลงในหนังเรื่องวัยอลวน อยากจะบอกว่ารัก ได้แต่ร้อง เยเยเย...) ทั้งสองทำน้ำตาซึม ทำท่าจะร้องไห้ วันสุดท้ายมาเร็วกว่าที่คิด แต่คอง-ซังจากเวียดนามยังรักษาสถิติคุณชายสายเสมอ ไม่รู้ไปไหน ไม่บอกใคร ต้องตามหาตั้งนาน แอบไปถ่ายรูปตึกคิสอยู่ ถึงโรงแรมราว 1 ทุ่ม เรารีบไปตลาดดองเดมูน หวังจะซื้อของที่ระลึก (รูปที่ 13) ดูโซลราตรีคืนสุดท้าย แต่ไม่ได้อะไรกลับ ตลาดวายแล้ว ไม่มีของที่ระลึกขายกัน แต่ก็ได้เดินห้าง เลยกับมาจัดของลงกระเป๋า ราว 3 ทุ่ม มันปิดไม่ลง จนต้องเอาซองสุญญากาศที่ซื้อจากญี่ปุ่น มาใช้ลดขนาดเสื้อผ้า เสียดายที่ไม่ได้ซื้อของมากมาย เพราะเป็นห่วงของจะเกินน้ำหนัก 25 กิโล เลือกซื้อแต่ของเบาๆ เล็กๆ ที่เพิ่มมาก็เป็นของฝากทั้งนั้น ลืมของให้ตัวเองเลย


[หน้าแรก] ญี่ปุ่นเดือนพฤศจิกายน วันที่ 13  14  15  16  17 18  19  20.1  20.2 ปราสาทนิโจ 20.3 21  22.1 22.2 23.1 23.2 24  25.1 25.2  26  27.1 27.2 28
เกาหลี เดือนพฤศจิกายน วันที่
 28 29 30 เดือนธันวาคม วันที่ 1 2.1  2.2 3 4.1 4.2 5.1 5.2 5.3  6 7 8.1  8.2 9.1 9.1  10ใหม่! 11ใหม่!