27 พฤศจิกายน 2547 หน้า 2/2

ดูวันนี้ หน้าแรก

เดินตรงไปเป็นสวนสัตว์ (รูปที่ 1)  ผมถามว่ามีสัตว์อะไรน่าดูเป็นพิเศษไหม คุณอิซูกะบอก ก็เหมือนกับสวนสัตว์ทั่วไปแต่ต้องเสียค่าดูแพง ไม่แนะนำให้ดูเพราะจะไม่ได้ดูวัดที่เราอยากดูกัน เดินตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายจากทางเข้าสวนสัตว์ มีแผงขายของที่เป็นที่สนใจของบุน-ซัง (รูปที่ 2) ไม่ได้สนใจซื้อ เพราะแพงมาก แต่สนใจดู เพราะสินค้ามันญี่ปุ่นๆ ดี น่ารัก น่าดู เดินมาสักพักก็ถึงทางเข้าซึ่งยกระดับขึ้นเล็กน้อย วัดนี้ชื่อ วัด Toshogu ตามความเชื่อว่าวัดจะอยู่สูงขึ้นเหมือนเป็นสรวงสวรรค์ เจอ ไชร์เกต (shire gate) ก่อน (รูปที่3) วัดนี้บ่งบอกชัดเจนถึงการรวมวัฒนธรรมของท่านโชกุน ที่สั่งให้ทุกวัดทุกศาสนามาอยู่รวมกัน ตอนนั้นที่ได้รับอุทธิพลมากที่สุดเห็นจะเป็นวัดของชินโตกับวัดพุทธ ที่ต้องมารวมกัน สังเกตได้ตั้งแต่ประตูชินโต ซึ่งเป็นเอกลักษณ์มากของญี่ปุ่น เห็นอย่างนี้ก็ต้องบอกว่านี่แหละ ญี่ปุ่น ถัดมาสัก 50 เมตร เป็นประตูวัดแบบพุทธ (รูปที่ 4) นี่คือวัดเดียวกันครับ ทางเข้าเดียวกัน จุดที่เป็นเอกลลักษณ์ของวัดญี่ปุ่น คือโคม เป็นที่จุดไฟส่องทางเข้าวัด (รูปที่ 4-6) ที่นี่นับเป็นวัดใหญ่วัดหนึ่งกลางโตเกียว ทางเข้าวัดซึ่งนับว่าอยู่ในเขตวัด มาจากหลายทิศทาง ก็จะมีโคมส่องน้ำทาง โดยเฉพาะเวลามีงานกลางคืนจะจุดไฟ เป็นโคมทำจากหิน กันลมกันหิมะได้ดี และทำให้น่าเกรงขาม สงบ แต่ผมว่าถ้ามากลางคืน คงน่ากลัวนิดๆ ถ้าไม่คุ้นทาง

(1) (2) (3) (4) (5) (6)

ผ่านประตูเข้ามา ฟากขวามือ เป็นเจดีย์พุทธ (รูปที่ 7-8) ใหญ่มาก เจดีย์สถาปัตยกรรมญี่ปุ่น ต่างจากเจดีย์ที่เราคุ้นเคยในไทย หรือในอินเดีย ทำด้วยไม้ จึงเบา และอยู่ได้นาน ระหว่างทางที่เข้ามา จะเห็นคำสอนสลักอยู่ข้างทาง ทั้งพุทธ และชินโต ผมถามคุณอิซูกะ ก้อนนี้ (รูปที่ 9) เขาสอนว่าอะไร อิซูกะ-ซัง ก็ไปอ่านดู ตั้งนาน ก็บอกว่า อ๋อ... อ่านไม่ออก ว้า... คำสอนน่าจะอ่านง่ายๆ เขาสลักหินตามลายมืออาจารย์ ไม่คุ้นลายมือคงอ่านยาก คนญี่ปุ่นยังอ่านไม่ออกเลย แต่ก็พอสรุปได้ว่า การดื่มสุรา มันไม่ดี ประมาณนี้ แล้วก็ไปฟังการบรรยาย คุณอิซูมิอ่านและแปลจากญี่ปุ่น เป็นอังกฤษให้ฟัง (รูปที่ 10) สัก 15 นาที (แต่รู้สึกนานมากจนขึ้เกียจฟัง) นอกจากพวกเราแล้ว ก็มีนักท่องเที่ยวอื่นๆ มาแอบฟังด้วย

(7) (8)(9) (10)

ตรงเข้าไปเป็นวัดชินโต (รูปที่ 11) เสียดายที่เข้าไปถ่ายข้างในไม่ได้ เพราะเก็บตังค์ ถึงจะไม่แพงนัก ประมาณ 300 เยน กระมัง แต่ไม่มีใครยอมเข้าไป และก็แค่วนดูรอบๆ อาคาร ไม่มีอะไรพิเศษ วัดที่นี่นับว่าใหญ่โต และเป็นศิลปะญี่ปุ่นเต็มรูปแบบ สลักสเลา เต็มความศรัทธาของศาสนิกชน  ก็ออกมาดูส่วนอื่นๆ เดินกลับออกมา สังเกตเห็นมีศาลาที่พักของผู้ใหญ่ เช่นโชกุน จะมาพักก่อนเข้าวัด ออกมาชมสวนกันต่อ มีต้นเมเปิ้ล สวนสน และแปะก๊วยเป็นหลัก จะเห็นว่ามีเจดีย์แบบไทยด้วย ชี่อวัด Seiyouken (รูปที่ 13)  มีศาลา หรือโบสถ์อยู่ใกล้ๆ ตั้งอยู่บนเขามีบันไดขึ้นไป ต่อมาก็มีไชร์เกตซัอนๆๆ กันก่อนเข้าวัดชินโต ชื่อวัด Gojo Shrine (รูปที่ 14) ชะรอยจะมีหลายวัด แต่เขาบอกว่าสร้างประตูวัดชินโตได้บุญเยอะ อาจคล้ายพุทธ สร้างเจดีย์กระมัง ในระหว่างเดินๆ ก็มีคนมากั้นขอทาง และมีขบวนการ์ตูนน่ารักๆ ซึ่งเป็นสีสันของสวนที่นี่เดินให้ดูด้วย แต่ดูเพลินไปหน่อย ถ่ายมาได้แค่หัวขบวน อิอิ
(11) (12) (13) (14) ../271104/271104_44.jpg(15)

เราเดินอยู่บนเนินเขา มองลงไปเป็นห้องประชุม คล้ายศาลาประชาคมบ้านเรา มาเช่าใช้ได้เรียกว่า Bental hall (รูปที่ 16) มองไปเห็นต้นหลิว ใบลู่ลมสวยมาก ตรงนี้นับเป็นจุดชมวิวที่สวยงาม เพราะผสานสถาปัตยกรรมของญี่ปุ่น ต้นไม้และสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว อิซูกะ-ซัง บอกอย่างนั้น เริ่มเหนื่อยกันแล้วครับ เดินมาเป็นชั่วโมงๆ ผมเหลือบไปเห็นดอกไม้ ผมว่าต้องเป็นซากุระแน่ๆ แต่อันที่จริงไม่ควรมี เพราะซากุระจะบานตอนประมาณ เมษายน หน้าหนาวยังไม่เคยรู้ว่ามี เลยเรียก อิซูกะ-ซัง ที่เดินผ่านไปราว 20 เมตร เธอก็มาชะโงกดู แล้วบอกว่า ใช่ๆ เป็นซากุระพันธุ์ที่ออกดอกหน้าหนาว (รูปที่ 17-21 คลิกดูสิคับ สวยจริงๆ) เธอก็เดินต่อไป แต่เราตื่นเต้นมาก ว๊าว... ไม่นึกว่าจะได้เห็น ตะโกนให้โตโต้-ซัง กับ บุน-ซัง มาถ่ายรูปกัน แต่คนอื่นๆ หัวเราะกันแล้วก็ไป ประมาณว่า ประสาท แค่ดอกไม้ต้นเล็กๆ แต่เราไม่เคยเห็นของจริงนี่นา เลยถ่ายมาให้ดู เหตุที่เราตะโกนโหวกเหวกนี้เอง ชาวญี่ปุ่นอีกว่า 10 คน ก็มารุมดู และถ่ายรูปกันตรึม เพราะเขาก็ชอบกัน

 (16) (17) (18) (19) (20) (21)

เราไปพักขากันที่รูปปั้นของ Takamori Saigo ผู้บุกเบิกการปกครองใหม่ของญี่ปุ่น (รูปที่ 22) เป็นลานกว้างๆ บนเนินเขาสำหรับดูวิวเมืองโตเกียว พักทานน้ำ มีร้านขายน้ำกระป๋อง ขวด หยอดเหรียญประมาณ 130 เยน/ขวด (ประมาณ 40 บาท) และยังมีวัดอีก เสียดายที่ถ่ายไม่ติด พักเข้าห้องน้ำ ดื่มน้ำพอหน่อยเหนื่อยก็ได้เวลากลับ เจอคนคัดอักษรขาย (รูปที่ 23) การคัดตัวหนังสือนี้ นับว่าเป็นงานศิลปะที่คลาสิกไม่เคยล้าสมัย วาเสวยๆ ก็หากินได้ มีคนเข้าคิวทั้งญี่ปุ่นเละนักท่องเที่ยวจนทำไม่ทันเลย

 (22) (23)

กลับมาถึงสถานีโตเกียว ให้ดูบรรยากาศอีกรูป (รูปที่ 24) เป็นบรรยากาศแบบยุโรป แต่งตามเทศกาลคริสมาสที่จะมาถึง เราเดินมาเพื่อซื้อตั๋วกลับสึคูบะ อยากให้ดูภาพเขียนลายบนกระจก (รูปที่ 25) เป็นรูปที่ประดับไว้เหนือช่องขายตั๋วอัตโนมัติ ต้องมีไก้ด์ถึงจะซื้อได้ เพราะมีแต่ภาษาญี่ปุ่น คุณอิซูกะต้องไปซื้อให้ ดูสิ (รูปที่ 26) สายการจราจรมันวกวนซับซ้อนขนาดไหน ก็กลับรถไฟสายธรรมดา ราคา 1810 เยน (ประมาณ 600 บาท) แต่คนไม่แน่น สบายๆ (รูปที่ 28) ส่งคุณอิซูกะ-ซัง ระหว่างทาง แล้วเราก็ลงสถานีที่เราจอดจักรยายไว้ ปั่นกลับหนาวมาก ปั่นจนเหลื่อซึม แต่ก็ยังหนาว

(24) (25)(26) (27) (28)

กลับมาไม่ไปไหนอีก ต้องรีบแพ็คกระเป๋า และเช็คเอ้าท์ตั้งแต่คืนวันนี้ ส่วนกุญแจที่ทำหาย ก็ต้องเขียนใบขอโทษ ที่ทำกุญแจหาย เพื่อเขาจะได้เอาไปเป็นหลักฐานการทำกุญแจใหม่ โดยที่เราไม่ต้องจ่ายค่าปรับ ขอบคุณครับ


[หน้าแรก] ญี่ปุ่นเดือนพฤศจิกายน วันที่ 13  14  15  16  17 18  19  20.1  20.2 ปราสาทนิโจ 20.3 21  22.1 22.2 23.1 23.2 24  25.1 25.2  26  27.1 27.2 28
เกาหลี เดือนพฤศจิกายน วันที่
 28 29 30 เดือนธันวาคม วันที่ 1 2.1  2.2 3 4.1 4.2 5.1 5.2 5.3  6 7 8.1  8.2 9.1 9.1  10ใหม่! 11ใหม่!