25 พฤศจิกายน 2547 หน้า 2/2

(คลิกดูวันนี้ หน้าก่อนนี้)

หลังจากส่งอาจารย์กลับแล้ว ก็ได้มีโอกาสไปไหว้พระ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากที่ว่าการให้เกียรติมาเป็นไก้ด์ และอำนวยความสะดวก ที่แรกที่ผ่านมาในหมู่บ้านของคุณฮาชิโมโต้ เป็นคลีนึกฟัน (รูปที่ 1) ชื่อคลินิก Mizuno Dental clinic  คลีนิกฟันครับ สวยมาก เห็นบอกว่าตั้งมาตั้งแต่สมัยเอโดะ ประมาณ 300 ปีที่แล้ว (เทียบกับปลายสมัยอยุธยาของไทย) นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยังคงทำการเป็นคลีนิกฟันอยู่ นั่งรถมาสักพักก็มาถึงวัดอยู่ริมเขา มองไกลๆ จะเห็นว่าเป็นวัดขนาดค่อนข้างใหญ่ (รูปที่ 2) พื้นที่ครอบคลุมเชิงเขามากพอสมควร รถผ่านมาผมเห็นบ้านของผู้มีอันจะกินหลังหนึ่งที่เป็นแบบญี่ปุ่นสมัยใหม่แต่ยังตกแต่งแบบญี่ปุ่นอย่างลงตัว คุณนากาโนะบอก บ้านคนรวย มั้ง โอเค เลย ทุกคนเลยไม่ถามต่อ

(1) (2) (3)

ทางขึ้นวัด Kejsho-ji Temple (Ji แปลว่า วัด) เป็นภูเขาขึ้นไป อย่างนี้ (รูปที่ 4) ทางเข้าวัดมีพระพุทธรูปหินยืน (รูปที่ 5) เป็นด่านแรกที่เราไหว้พระกันก่อน จะเห็นว่ามีดอกไม้สด บูชา แสดงว่ามีคนมาไหว้เป็นประจำ เดินมาอีกนิด เป็นทางขึ้น คงคล้ายบันไดนาคบ้านเรา วัดที่ญี่ปุ่นมีประเพณี ล้างมือล้างเท้าก่อนเข้าวัด แต่พรรคพวกไม่ยอมล้าง ผมเลยใช้กุศโลบายว่า Lucky water (น้ำศักดิ์สิทธิ์ น้ำโชคดี น้ำนำโชค) ล้างมือล้างเท้าแล้วจะโชคดี เลยมารุมล้างกันอย่างนี้ (รูปที่ 6) อยากโชคดีกัน ว๊าว! สวยครับ หลายคนอุทานเมื่อเห็นจุดนี้ (รูปที่ 7) เดินมาข้างบนเชิงเขาทางเข้าวัด เป็นตะเกียงหิน เขาใช้จุดไฟกลางคืน และก็มีพระพุทธรูป ส่วนมากเป็นหินและไม้ สมัยโน้นเขานิยมแกะสลักทำพระพุทธรูปมาถวายวัดถือว่าได้บุญ จนเต็มไปหมด และแต่งแต้มด้วยสีส้มของเมเปิ้ล สร้างบรรยากาศญี่ปุ่นๆ ดี อ่ะ ให้ดูอีกมุม ชอบเมเบิ้ลมาก เพราะบ้านเราไม่มี  (รูปที่ 8) และต้องถ่ายเป็นหลักฐานอีกรูป (รูปที่ 9) ผมมาจริงๆ นะ จุดนี้เลยเป็นจุดเข้าคิวถ่ายรูปกัน หันไปดูข้างหลังเป็นอาคารซุ้มประตู (รูปที่ 10) ใช้เก็บพระพุทธรูปข้างบนด้วย ส่วนมากเป็นพระพุทธรูปไม้และโลหะ  บ้างบนเป็นพระอุโบสถ แบบศาลาสำหรับไหว้พระ (รูปที่ 11) และอุโบสถกราบพระ (รูปที่ 12) ระอยู่บ้างในต้องกราบอยู่ข้างนอก แหมมีใบเมเปิ้ลสวยๆให้ดูอีกรูป (รูปที่ 13) มีระเบียงพระ(รูป14) สำหรับองค์โตๆ ด้วย

(4) (5) (6) (7) (8) (9) (10) (11) (12) (13) (14)

เดินกลับมา ผมถามคุณนากาโนะเรื่องซุ้มประตู เธอเลยบรรยายเสียยืดยาว ว่าองค์นั้นเป็นอย่างนี้ องค์นี้เป็นอย่างนั้น เราก็ โหว... เหรอ... ว๊าว... แหงนดูกันขนาดนี้ (รูปที่ 15) แล้วตรงหน้าประตู มีรองเท้าฟางขนาดยักษ์ (รูปที่ 17) คงเป็นยักษ์ใส่ได้พอดี รองเท้าฟาง ถือเป็นของขวัญระหว่างวัด บ่งบอกถึงความอดทนที่จะเยี่ยมเยียนกันช่วงหน้าหนาว พระจะใช้รองเท้าฟางใส่ลุยหิมะมา จะได้ไม่ลื่น และอบอุ่นดี แต่มันทำให้อุ่นอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ดูโล่งๆ อย่างนี้ไม่น่าจะกันหนาวได้ ยังมีจดน่าสนในอีกที่ตรงประตูวัด คือ ไชร์เกต (รูปที่18) หรือประตูสวรรค์ของศาสนาชินโต มีช่วงหนื่งของประวัติศาสตร์ ที่โชกุนให้รวมวัดของทุกศาสนาเข้าด้วยกัน วัดนี้ก็ได้รับอิทธิพลด้วย เลยมีสัญลักษณ์ของชินโตด้วย เราชมวัดเคโชจิ ประมาณ 40 นาที ก็ขึ้นรถต่อ คณะไก้ด์ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของศาลาว่าการ ก็มาส่ง และโค้งคำนับอย่างนี้ข้างรถ น่ารักมาก เหมือนในหนังดีจัง

(15) (17) (18)(19)

ไปต่อวัดชินโต ชื่อวัดชิชิบุไชร์ (Shrine: ไชร์  คือ วัดของศาสนาชินโต) คราวนี้ไม่ต้องบอกเลย ทุกคนต่างล้างมือเอาโชคที่ล้างน้ำนำโชค (รูปที่ 20) แล้วก็เข้าไปชมวัด (รูปที่ 21-22)  ในบริเวณวัดมีศาลาเทพเจ้าเป็นแห่งๆ (รูปที่ 23) ต้องขออภัยที่ไม่สามารถถ่ายข้างในอุโบสถมาให้ดูได้ แม้จะเปิดอยู่ เพราะกล้องไม่โฟกัส (ปรับระยะชัดให้) หน้าอุโบสถ (รูปที่ 23) มีที่บูชาวัตถุมงคล หรือนำโชค (รูปที่ 24-25) ซึ่งบูชาได้ตามวัตถุประสงค์ของความต้องการโชคดีหลายประเภท แล้วเราก็กลับมา ภาพนี้ (รูปที่ 26) แสดงถึงความเชื่อประตูวัดจะยกระดับขึ้นมาเล็กน้อยและมีขั้นบันได เพื่อให้ทราบว่า ส่วนที่ขึ้นมาเป็นสถานที่ของเทพเจ้า และที่นี่ จิงโกะใบเล็ก สีเหลือง ก็เป็นเสน่ห์ของวัดแบบญี่ปุ่นเสมอ หลังจากชมวัดชิชิบุไชร์แล้ว ก็กลับสึคูบะ เพลียกันมาก และหลับกันทั้งรถ ประมาณ 4 ชั่วโมงถึงสึคูบะ หลับด้วยคนครับ

(20) (21) (22) (23) (24) (25) (26)


[หน้าแรก] ญี่ปุ่นเดือนพฤศจิกายน วันที่ 13  14  15  16  17 18  19  20.1  20.2 ปราสาทนิโจ 20.3 21  22.1 22.2 23.1 23.2 24  25.1 25.2  26  27.1 27.2 28
เกาหลี เดือนพฤศจิกายน วันที่
 28 29 30 เดือนธันวาคม วันที่ 1 2.1  2.2 3 4.1 4.2 5.1 5.2 5.3  6 7 8.1  8.2 9.1 9.1  10ใหม่! 11ใหม่!